- วิธีการเลือกซื้อบ้าน-ซื้อที่ดิน-ซื้อคอนโดและอสังหาฯอื่นๆ
- 1. งบประมาณ
- ก่อนอื่นเราควรจะตั้งงบประมาณในการซื้อบ้านซึ่งหลาย ๆ คนก็อยากจะซื้อเป็นบ้านใหม่ แต่งบประมาณไม่ถึงหรืองบประมาณได้แต่ไม่ชอบทําเล (เพราะทําเลบ้านใหม่ส่วนใหญ่จะออกไปนอกเมือง) หรืออยากจะซื้อที่ดินแล้วเอามาปลูกสร้างเอง แต่ไม่มีงบเพียงพอที่จะปลูกสิ่งปลูกสร้าง ดังนั้น บ้านมือสองจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในกรณีที่ซื้อด้วยเงินสดคงไม่มีปัญหาสักเท่าไหร่ เพราะสามารถควบคุมงบประมาณในการซื้อได้ แต่ถ้าต้องการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน ควรจะพิจารณาอย่างรอบคอบสักหน่อยว่าเครดิตของเราสามารถกู้ธนาคารได้เท่าไหร่ และผ่อนชําระต่อเดือนจํานวนเท่าไหร่ พอไหวไหม เมื่อได้ตัวเลขแล้วค่อยพิจารณาว่าควรจะตั้งงบประมาณในการซื้อ สําหรับผู้ซื้อที่ไม่มีงบประมาณเพื่อซ่อมแซมหรือมีน้อย ก็ควรจะพิจารณาบ้านที่พร้อมอยู่จะดีที่สุด จะได้ไม่ต้องปวดหัวเรื่องหาเงินมาตกแต่งซ่อมแซมบ้าน สรุปว่า ให้ตั้งงบประมาณในการเลือกซื้อบ้านแบบเศรษฐกิจพอเพียง หรือเลือกซื้้อบ้านตามกําลังทรัพย์ของตนเอง
- 2. เลือกประเภททรัพย์สิน
- การเลือกประเภทของทรัพย์สินที่จะซื้อ หลังจากที่รู้งบประมาณแล้ว เราควรจะเลือกประเภททรัพย์สินที่เหมาะสมกับงบประมาณของเรา เช่นถ้าตั้งงบประมาณไว้ 2-3 ล้านบาท และต้องการซื้อบ้านในเมือง ก็คงจะได้ประเภทคอนโดฯหรือทาวน์เฮาส์เท่านั้น เพราะงบประมาณนี้เป็นไปได้ยากที่จะซื้อบ้านเดี่ยวมือสองในเขตเมืองหรือซื้อที่ดินเปล่าแล้วปลูกสร้างบ้านเอง ก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก เพราะค่าที่ดินบวกราคาค่าก่อสร้างก็คงจะเกินงบประมาณที่ตั้งใจไว้ ดังนั้นเราควรจะกําหนดประเภททรัพย์เอาไว้ในใจ แล้วพุ่งเป้ามองหาทรัพย์สินนั้นๆ โดยตรงจะดีที่สุด ข้อแนะนํา ถ้าเราอยู่ไม่เกิน 2 คน แล้วไม่มีเวลาดูแลทําความสะอาดบ้าน ไม่มีเวลาประกอบอาหาร ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว ต้องการความสะดวกสบายในการเดินทาง ต้องการได้ความปลอดภัยและต้องการสิ่งอํานวยความสะดวกครบครัน แนะนําให้ซื้อได้ทั้งคอนโดมือหนึ่งและคอนโดมือสองที่อยู่ใกล้แนวรถไฟฟ้าหรือใกล้บริเวณที่ทํางานจะดีที่สุด เพื่อง่ายต่อการเดินทาง แต่ถ้าอยู่เกิน 2 คนและอยากได้บริเวณสักหน่อย เอาไว้ปลูกต้นไม้เล็ก ๆ น้อยๆ มีรถยนต์ส่วนตัว ชอบทําอาหาร ชอบความเป็นส่วนตัว (ถ้าอยู่คอนโดฯ กติกาค่อนข้างเยอะเพราะต้องนึกถึงคนส่วนรวม) ก็ควรจะต้องเลือกซื้อได้ทั้งทาวน์เฮ้าส์มือหนึ่งและทาวน์เฮาส์มือสองอยู่จะดีกว่า แต่ถ้าต้องการมีบริเวณเอาไว้ปลูกต้นไม้ ชอบความสงบ ความเป็นส่วนตัวสูง มีรถยนต์ส่วนตัวของสมาชิกในบ้านทุกคนเพราะถ้าไม่มีรถยนต์ส่วนตัวก็ลําบากในการเดินทางเข้ามาทํางานในเมือง (ยกเว้นทํางานแถวนั้น) ก็ลองเลือกได้ทั้งบ้านเดี่ยวมือหนึ่งและบ้านเดี่ยวมือสองที่อยู่นอกเมืองก็พอจะมีให้เลือกมากพอสมควร เพียงแต่ต้องทําใจกับค่าน้ำมัน หรือค่าแก๊ส และต้องยอมอดทนเสียเวลาในการเดินทางในแต่ละวัน ถ้ายอมรับสภาพได้ ก็เลือกซื้อบ้านเดี่ยวบริเวณนอกเมือง ส่วนการเลือกตึกแถวไม่ว่าจะเป็นตึกแถวมือหนึ่งหรือตึกแถวมือสองแนะนำว่าควรจะมองดูกิจการของตัวเองก่อนว่าจําเป็นต้องใช้หน้าร้านหรือไม่ และต้องการที่จอดรถมากน้อยขนาดไหน เพราะถ้าเปิดเป็นบริษัทส่วนตัวแล้วไม่จําเป็นต้องใช้หน้าร้าน ก็คงไม่จําเป็นต้องซื้อตึกแถวติดถนนใหญ่ ควรจะหาซื้อที่มีบริเวณจอดรถได้เยอะจะดีกว่า เพราะปัญหาส่วนใหญ่ ในการเลือกซื้อตึกแถวก็คือเรื่องที่จอดรถ ดังนั้นนอกจากทําเลที่ตั้งแล้ว ก็ควรคํานึงถึงที่จอดรถด้วยส่วนการเลือกซื้อที่ดินแล้วมาปลูกสร้างเองหรืออาจจะคิดแค่ว่าอยากหาซื้อที่ดินแปลงไม่ต้องใหญ่มากแล้วมาปลูกบ้านเล็ก ๆ สักหลัง อยู่กันแค่ไม่กี่คน ปัจจัยที่สําคัญก็คือ สภาพแวดล้อมและการเดินทางเป็นหลัก ถนนหน้าที่ดินต้องเป็นถนนดี กว้างขวาง ยิ่งกว้างยิ่งดี น้ำต้องไม่ท่วม เพราะฉะนั้น ในการเลือกซื้อที่ดินควรจะต้องพิจารณาให้เหมือนกันกับการซื้อบ้านเหมือนกัน เพียงแต่ควรมองสถานที่โดยรอบว่าด้านหน้า ด้านหลัง ด้านข้าง เป็นอะไร เพราะถ้าเป็นบ้านด้วยกันแล้วก็โอเค แต่ถ้าด้านข้างเป็นอพาร์ตเม้นท์ ห้องเช่า อู่ซ่อมรถ ร้านรับซื้อของเก่า แหล่งเสื่อมโทรม หรือชุมชนแออัด ก็ควรหลีกเลียง ไม่ซื้อที่ดินมาปลูกเองจะดีกว่าควรเลือกที่เป็นหมู่บ้านอยู่แล้ว อาจจะเป็นทาวน์เฮ้าส์ที่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะๆ ก็ได้ เพราะอย่างน้อยก็เห็นแล้วว่าด้านหน้า ด้านข้างเป็นบ้านทั้งหมดแล้ว
- 3. ทําเลที่ตั้งของทรัพย์สิน
- ถ้าเรารู้งบประมาณและตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกซื้อทรัพย์สินแบบไหน ก็ถึงคราวที่เราจะเลือกทําเลที่เหมาะสมโดยทําเลที่ดีก็คือทําเลที่เดินทางสะดวกสําหรับคนในบ้านทุกคน และความปลอดภัยในการเดินทางกลับบ้านโดยต้องดูสภาพแวดล้อมบริเวณใกล้เคียงด้วยบางทีเราเจอที่ดินราคาถูกแต่ว่าสภาพแวดล้อมเป็นแหล่งเสื่อมโทรมหรือเปลี่ยวก็ไม่ควรจะซื้อมาปลูกบ้าน ดังนั้นหลักเกณท์ที่ควรจะพิจารณาเช่น บริเวณนั้นต้องไม่เป็นสลัม ไม่อยู่ในที่เปลี่ยว น้ำไม่ท่วม เข้าออกได้สะดวก มีบริการรถสาธารณะ เช่น รถเมล์ รถไฟฟ้า สองแถว ตุ๊กๆ หรือรถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ยิ่งถ้าในหมู่บ้านมีรปภ. คอยตรวจตราตลอดเวลาก็จะช่วยให้เราอุ่นใจในการเดินทางกลับบ้านในเวลากลางคืนด้วยเพราะความปลอดภัยในการเดินทางสําคัญมาก เพราะว่าเราไม่สามารถตีมูลค่าของชีวิตคนในครอบครัวเราได้เพราะฉะนั้นก่อนการตัดสินใจจะเลือกซื้อที่ไหนควรไตร่ตรองให้ดีก่อน จะได้ไม่เสียใจในภายหลัง
- 4. สภาพของทรัพย์สิน
- ในกรณีที่เป็นบ้าน เราก็จะต้องเปรียบเทียบดูสภาพบ้านกับราคาขายว่าเหมาะสมกันหรือไม่เมื่อรวมกับค่าซ่อมแซม แล้วยังอยู่ในงบประมาณที่ตั้งไว้หรือไม่ บ้านบางหลัง ตั้งขายบ้านราคาถูก แต่เมื่อรวมกับค่าซ่อมแซมแล้วอาจจะแพงกว่าบ้านหลังอื่นในบริเวณนั้นก็ได้ ดังนั้นต้องเปรียบเทียบดูกับหลังอื่นที่สภาพดีกว่า ถ้าต้องเพิ่มเงินอีกนิดหน่อยก็ถือว่าคุ้มค่า สิ่งที่ต้องพิจารณาในการดูสภาพของบ้านก็คือ บ้านที่สภาพดีต้องไม่ทรุด, ไม่ร้าว, ไม่รั่ว, ไม่มีปลวกและไม่โทรม ถ้ามี 5 คําดังกล่าวมา ราคาก็ต้องลดหลั่นกันมาจะมากจะน้อยขึ้นอยู่กับค่าซ่อมแซม ที่จะต้องปรับปรุงดูแล เช่น ถ้าทรุดไม่มีวิธีแก้ ต้องทุบทิ้งอย่างเดียว ถ้าร้าวไม่มากก็พอแก้ไขได้แค่ฉาบเก็บรอยร้าว แล้วทาสีทับ ถ้ารั่วก็เปลี่ยนหลังคาแผ่นที่รั่วออกแล้วใส่แผ่นใหม่แทน แต่เท่าที่เห็นหลังคารั่วเยอะ ๆ ส่วนใหญ่มาจากสันตรงกลางจั่วซึ่งจะแก้ไขโดยทุบของเก่าทิ้งแล้วเททับใหม่โดยใช้ทรายละเอียดผสมน้ำยากันซึมเยอะ ๆ แล้วก่อให้ทับแผ่นกระเบื้องหลังคาพอสมควร เพื่อป้องกันน้ำฝนสาดเข้ามาตามแผ่นร่องของหลังคา ส่วนอีกจุดทีเห็นบ่อยๆ ก็คือรางน้ำควรจะเปลี่ยนเป็นรางน้ำสแตนเลสจะได้ไม่ขึ้นสนิม และทําฐานให้กว้าง และลึกเพื่อจะได้รองรับน้ำฝนให้ได้มากขึ้น ส่วนเรื่องปลวกนั้น ถ้ามีไม่เยอะแค่ฉีดยาฆ่าปลวกอยู่เป็นประจําก็แก้ไขได้แล้ว แต่ถ้ามีมากๆ แนะนําให้ทุบทิ้งแล้วสร้างใหม่จะดีกว่าจะได้ไม่ต้องหงุดหงิดใจ ส่วนบ้านโทรมนั้นแก้ไขได้ง่ายมาก แค่ทําความสะอาดจัดข้าวของให้เป็นระเบียบ อะไรเก่าๆก็ทิ้งไปอย่าไปเสียดาย หรือถ้ามีงบประมาณพอทาสีใหม่ได้ก็แนะนําให้ทาสีใหม่ เพราะบ้านจะดูดีขึ้นเยอะเลย สรุปได้ว่าการเลือกซื้อบ้าน-ที่ดินและอสังหาฯอื่นๆ คงไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ เหมือนในความคิดในใจของแต่ละคน ดังนั้นทางทีมงานแนะนําว่า ขอให้มีใกล้เคียงกับที่คิดไว้ในใจให้มากที่สุด ประมาณสัก 80% ก็คือว่าใช้ได้แล้วครับ